วันก่อนเพลินไปกินข้าวกับเพื่อนสนิทที่ไม่ได้เจอกันนาน คุยกันสัพเพเหระจนไปถึงละครเรื่อง #ความรักครั้งสุดท้าย เราคุยกันเรื่องนี้ในฐานะผู้หญิงที่โตแล้ว ผ่านทุกข์สุขในชีวิต ในรักกันมาพอสมควร เราสองคนมีเส้นทางชีวิตบางอย่างคล้ายกัน เมื่อมีปัญหา เรามักเข้าใจกันได้ดี แต่หลังจากวันที่เพลินได้ลองปรับเปลี่ยนมุมมองต่อสิ่งต่างๆ รอบตัวแล้ว การพูดคุยแง่มุมชีวิตรสริน นางเอกในละครคนนั้น เพลินกลับพบว่าตัวเองกับเพื่อนมองต่างกันไม่น้อย
.
เรื่องคร่าวๆ คือ “รส” เคยมีความรักกับ “พัท" หนุ่มรุ่นน้องสมัยเรียน แต่ก็แยกจากกันเมื่อฝ่ายชายต้องไปเรียนต่อเมืองนอก รสใช้ชีวิตสนุกสนานอยู่สักพักก็ตัดสินใจแต่งงานกับ “ธี” ผู้ชายทำงานเก่ง สมบูรณ์แบบ และมีลูกด้วยกันสามคน
.
เรื่องคร่าวๆ คือ “รส” เคยมีความรักกับ “พัท" หนุ่มรุ่นน้องสมัยเรียน แต่ก็แยกจากกันเมื่อฝ่ายชายต้องไปเรียนต่อเมืองนอก รสใช้ชีวิตสนุกสนานอยู่สักพักก็ตัดสินใจแต่งงานกับ “ธี” ผู้ชายทำงานเก่ง สมบูรณ์แบบ และมีลูกด้วยกันสามคน
แต่เมื่อวันเวลาผ่านไปรสกลับพบว่าตัวเองไม่มีความสุขเลย มีปากเสียงกับธีบ่อยเพราะความเห็น ทัศนคติ ความชอบอะไรไม่ตรงกันสักอย่าง ธีทำงานหนักหวังเก็บเงินสร้างครอบครัวให้มั่นคงจนละเลยครอบครัว ตำหนิติเตียน และดูถูกความเป็นศิลปินชอบวาดรูปของรส เคยสัญญาว่าจะพารสไปเที่ยวฝรั่งเศสตั้งแต่ก่อนแต่งงานแต่ไม่เคยพาไป และนำเงินเก็บที่จะกันเป็นเงินไปเที่ยวเอาไปลงทุนหมด
รสทะเลาะกับธีบ่อยขึ้น และเริ่มตระหนักว่าไม่มีอะไรเหมือนกันเข้ากันเลย เป็นจังหวะเดียวกับที่พัทกลับมาจากเมืองนอก พัทยังรักรส และทำให้รสนึกถึงความสุขสมัยก่อน และสบายใจที่จะอยู่พูดคุยกับพัทโดยที่ไม่ได้ทำอะไรเสียหาย แต่สร้างความไม่พอใจให้ธี
ธีเริ่มหึงหวงระแวงอีกหลายต่อหลายครั้ง และดูถูกดูแคลนรสทั้งเรื่องความรัก หน้าที่การงาน ความฝัน และเริ่มลงมือทำร้ายร่างกาย ด่าทอหยาบคาย แอบเอาลูกไปซ่อน
จนวันหนึ่งรสทนไม่ไหวต้องขอหย่ากับธี
.
เรื่องราวต่อจากนี้ยังมีอีกมาก แต่ประเด็นสำคัญอยู่ในส่วนที่เพลินเพิ่งเล่าไปข้างบน
เมื่อเพลินกับเพื่อนคุยกันถึงเรื่องนี้ เพื่อนเพลินพูดขึ้นว่า
“รสนี่ก็เกินไปเนอะ แค่แฟนไม่พาไปเที่ยวฝรั่งเศส ถึงกับต้องน้อยใจ กลับไปคุยกับกิ๊กเก่า”
เพลินฟังแล้วสะดุดหูนิดหน่อย เพราะเพลินมองต่างไปจากเพื่อนอย่างสิ้นเชิง
เพลินมองว่ารสมีความฝันอยากไปเที่ยวฝรั่งเศสตั้งแต่ก่อนแต่งงาน แม้ธีไม่ค่อยอินตามแต่ก็สัญญากับรสว่าจะพาไป เมื่อเวลาผ่านไปจนมีลูกสามคน ธีกลับไม่พูดถึงเรื่องนี้อีก ไม่คิดเผื่อ และมองว่าไร้สาระ ขณะที่รสฝังใจว่าอยากไปและธีก็ให้สัญญา
.
แต่เรื่องนี้เป็นแค่ส่วนหนึ่งของปัญหาที่ทำให้รสกลับไปคุยกับพัทอีกครั้ง เพราะมีปัญหากับธีทุกๆ ด้านจนต้องมาถามตัวเองว่า
.
แต่เรื่องนี้เป็นแค่ส่วนหนึ่งของปัญหาที่ทำให้รสกลับไปคุยกับพัทอีกครั้ง เพราะมีปัญหากับธีทุกๆ ด้านจนต้องมาถามตัวเองว่า
“ทำไมฉันถึงแต่งงานกับผู้ชายคนนี้ ในเมื่อไม่มีอะไรเข้ากันเลยสักนิด”
รสไม่ได้น้อยใจเรื่องฝรั่งเศสจนต้องมาคุยกับพัท
แต่รสทนธีไม่ไหว
.
กลับมาที่เรื่องความเห็นของเพื่อนเพลิน... จริงๆ ไม่มีผิดถูก ทุกคนมองโลกผ่านมุมมอง ประสบการณ์ ความเชื่อของตัวเอง แล้วกลั่นกรองออกมาเป็นทัศนคติ ความคิด หรือคำพูดที่มีต่อคนๆ นั้น หรือเหตุการณ์นั้นๆ
เพื่อนสาวของเพลินมองว่า แค่เรื่องสามีไม่พาไปเที่ยวตามสัญญา ถึงกับต้องเอามาเป็นประเด็นให้ทะเลาะกันเลยหรือ
ขณะที่เพลินมองว่า นั่นคือฝันในใจ ที่ผู้ชายก็ให้สัญญา แต่กลับมาทำเหมือนเป็นเรื่องไร้สาระและไม่เคยคิดจะทำให้เป็นจริง และนั่นคือเรื่องใหญ่ที่ทำร้ายใจ
.
.
อะไรที่ทำให้เรามองเรื่องนี้ต่างกัน ทั้งที่เราก็ผ่านอะไรมาคล้ายๆ กันหลายอย่าง...
นั่นคือความเชื่อ... และการมองโลก... ผ่านแว่นตาสีต่างๆ
สีของแว่นตาเราสองคนไม่เหมือนกัน ต่างกันไปตามประสบการณ์ ความเชื่อ
.
.
เพื่อนเพลินเป็นคนติดบ้าน ไม่ชอบเที่ยว ไม่ได้รู้สึกใฝ่ฝันอยากไปที่ใดเป็นพิเศษ พอใจกับการทำงานและอยู่บ้าน อยู่กับสิ่งที่คุ้นเคย จะรู้สึกมั่นคง ปลอดภัย
ขณะที่เพลินเป็นคนชอบเดินทาง แม้คิดถึงบ้านเสมอเวลาไปเที่ยว แต่ก็ตื่นเต้นเสมอเมื่อได้ไปที่ใหม่ๆ ไปเจออะไรใหม่ๆ เปิดประสบการณ์
ทุกอย่างที่เพลินและเพื่อนคิดหรือเชื่อ มาจากนิสัย ความเชื่อ สังคม และประสบการณ์ การเลี้ยงดฟุ
ไม่มีใครผิดหรือถูก แค่เรามองโลกจากมุมของตัวเอง
เพลินเปรียบเหมือนสวมแว่นตาคนละสี คนนึงสวมแว่นสีชมพู เห็นทุกอย่างรื่นรมย์ไปทั้งนั้น บางคนสวมแว่นสีเขียว มองและกลั่นกรองทุกอย่างด้วยตรรกะ บางคนอาจมองผ่านเลนส์สีเหลือง สีส้ม สีเทา สีดำ หรือแม้แต่สีขาว
.
เรื่องใหญ่ของบางคนเลยอาจเป็นเรื่องเล็กมากสำหรับอีกคน
และ เรื่องจิ๊บๆ ขี้ปะติ๋วของบางคน คือปัญหาที่ร้ายแรงของอีกคน
.
หากเป็นแค่การคุยแลกเปลี่ยนความเห็นกันก็ไม่เป็นไร...
ถ้าไม่มีใครเอาชนะคะคานว่าโลกแบบของฉันถูกต้อง
.
เรื่องใหญ่ของบางคนเลยอาจเป็นเรื่องเล็กมากสำหรับอีกคน
และ เรื่องจิ๊บๆ ขี้ปะติ๋วของบางคน คือปัญหาที่ร้ายแรงของอีกคน
.
หากเป็นแค่การคุยแลกเปลี่ยนความเห็นกันก็ไม่เป็นไร...
ถ้าไม่มีใครเอาชนะคะคานว่าโลกแบบของฉันถูกต้อง
เมื่อพยายามคิดว่าคนที่เราคุยด้วยหรือมีปฏิสัมพันธ์ด้วย มองผ่าน “แว่นตาโลก” สีไหน เราก็จะยั้งความคิดที่ว่า
“ทำไมคิดได้แค่นี้”
“ทำไมเรื่องแค่นี้คิดไม่ได้”
“เชื่อเรื่องปัญญาอ่อนแบบนี้ไปได้ยังไง”
หรือ
“ทำไมซีเรียสจัง คิดเยอะไปไหน”
“ทำไมคิดแต่ในแง่ร้าย”
“ทำไมคิดได้แค่นี้”
“ทำไมเรื่องแค่นี้คิดไม่ได้”
“เชื่อเรื่องปัญญาอ่อนแบบนี้ไปได้ยังไง”
หรือ
“ทำไมซีเรียสจัง คิดเยอะไปไหน”
“ทำไมคิดแต่ในแง่ร้าย”
เพราะเราสวมแว่นตาคนละสี...
ถ้าเรามองผ่านแว่นตาแบบเขา เราอาจจะเข้าใจเขาก็ได้นี่นะ
.
แต่เมื่อไหร่ต้องใช้ชีวิตร่วมกัน บางอย่างก็ต้องปรับ ต้องเปลี่ยน ต้องพยายามเข้าใจโลกผ่านแว่นตาของอีกฝ่ายให้มากที่สุด
ถ้าเรามองผ่านแว่นตาแบบเขา เราอาจจะเข้าใจเขาก็ได้นี่นะ
.
แต่เมื่อไหร่ต้องใช้ชีวิตร่วมกัน บางอย่างก็ต้องปรับ ต้องเปลี่ยน ต้องพยายามเข้าใจโลกผ่านแว่นตาของอีกฝ่ายให้มากที่สุด
แล้วเราจะมีคำตอบเองว่าจุดไหนคือลิมิตของความเข้าใจ.
จุดไหนที่เราจะไม่ทน... ให้คนล้ำเส้น
#ดูละครก็ย้อนดูตัวได้นะ
แล้วคุณสาวๆ ทั้งหลาย มองผ่านแว่นตาแบบไหนกันคะ?โลกของคุณเป็นยังไง...
ต่างจากโลกของเพื่อน ของพี่ ของน้อง ของแฟนคุณขนาดไหน
แล้วคุณสาวๆ ทั้งหลาย มองผ่านแว่นตาแบบไหนกันคะ?โลกของคุณเป็นยังไง...
ต่างจากโลกของเพื่อน ของพี่ ของน้อง ของแฟนคุณขนาดไหน
คุณเข้าใจความต่างนั้นด้วย “หัวใจ” ของคุณหรือยัง?
ด้วยรักจากใจ
ผู้หญิงเชิงรุก
ผู้หญิงเชิงรุก
กดติดดาว
⭐️ See First ไว้เพื่อไม่ให้พลาดเคล็ดลับ เรื่องราวดีๆ นะคะ

#ผู้หญิงเชิงรุก #ผู้หญิงยุคใหม่ไม่ลำไย #ผู้หญิงสวยสมองดี #สวยสมองดีเนรมิตได้#beautygoodvibes #beautifulmind #beautymindcoach
#เรามองโลกยังไงอยู่ที่สวมแว่นตาไหนมอง #mindandsoulcoach
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น