วันเสาร์ที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

ไม่ต้องรอใครอนุมัติตัวตนเรา




ทุกวันนี้เรามีความสุขกับตัวตนของเราหรือเปล่านะ... เหมือนจะเป็นคำถามธรรมด๊า ธรรมดา แต่มันมีความหมายลึกกว่านั้นมาก
เมื่อวาน (26 พฤษภาคม) เพลิดเปิดมาดูรายการเจาะใจตอนใกล้จะจบ ดูพิธีกรสัมภาษณ์สุภาพสตรีท่านนึงที่ให้ข้อคิดคนดูไว้อย่างน่าสนใจ

เค้าบอกว่า วันๆ หนึ่งเราถูกโฆษณากรอกหูเรื่อยๆ ว่าความสวยที่ถูกต้อง คือผิวขาวเป็นยองใย หน้าเรียววีเชป เราถูกตอกย้ำเสมอว่าหุ่นแบบไหนคือหุ่นยอดปรารถนาของคนทั่วไป ถูกยัดเยียดสินค้าและบริการผ่านการโฆษณาจากสื่อตั้งแต่เช้าจนถึงเข้านอน ว่าเรา “ต้อง”​ มีสินค้านี้ เราต้อง “เป็น” อย่างนั้นอย่างนี้ ถ้าไม่มีคือผิด คือพลาด ถ้าเราไม่ “เป็น”​ อย่างที่เค้าอยากให้เป็น เรากำลังมีปัญหานะ

แขกรับเชิญท่านนี้บอกว่าเฉลี่ยแล้วเราโดนล้างสมอง บั่นทอนตัวตนที่แท้จริงที่เรามีความสุขกับสิ่งที่เราเป็น ของที่เรามี รูปร่างหน้าตาที่แท้จริง มาตั้งแต่เด็ก มันมาในรูปแบบค่านิยม ความเชื่อที่สังคมมอบให้ ผ่านการกรอกหู ยัดเยียดของสื่อต่างๆ สื่อเหล่านี้คิดมาหลายชั้นเพื่อทลวงเข้าไปในใจคุณ ในคนรอบข้างคุณ คนรอบข้างก็ยิ่งตอกย้ำความเชื่อเหล่านั้นให้เพิ่มไปอีก เค้าบอกว่าเราโดนกรอกหูตอกย้ำเฉลี่ยห้าพันครั้งต่อวัน (ถ้าจำไม่ผิด) เราจะเขว จะเป๋ ก็ไม่แปลก แต่อยากให้ฉุกคิดสักนิดว่า เราเป็นอย่างนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ 

เราไม่มั่นใจในตัวเอง ไม่มีความสุขกับตัวตนของเรา หน้าตา รูปร่าง เราเริ่มอยากได้ลิปสติกอีกหลายๆ สีทั้งที่เราอาจไม่อยากได้ตั้งแต่แรก เราอาจจะพอใจกับลิปสองสามแท่งที่เรามีแล้ว

เราเริ่มอยากสวยแบบที่ “เค้าว่ามันดี” ผิวน้ำผึ้งละเอียดของเราเริ่มทำให้เราอึดอัด เพราะคนพากันบอกว่า ทำไมปล่อยให้ดำแบบนี้

เราต้องรอคนมายืนยันว่าเราดีพอ มากำหนดว่าเราควรมีอะไร ควรรู้สึกยังไง เราลงรูปไป ไม่มีใครกดไลค์เราก็เฟล มีคนไลค์เยอะเราก็ดีใจ... ทำไมเราต้องรอให้มีคนมาชื่นชมยอมรับว่าเราดีด้วยนะ

เรารู้สึกดีตั้งแต่แรกแล้วไม่ได้หรือไงนะ
เพลินที่กำลังจะกดเปลี่ยนช่องเลยชะงักแล้วฟังต่อ... นั่งคิดตามว่า สังคมเปลี่ยนเป็นแบบนี้แล้วจริงๆ โดยเฉพาะสังคมไทย
เราต้องรอให้คนมากำหนดว่าต้องสวยแบบไหน เราต้องมีอะไร
เราต้องรอคนมา “อนุมัติ” ว่าเราดีแล้ว

และที่น่าสะเทือนใจ...
ใครที่มีความสุขหรือพอใจกับสิ่งที่ตัวเองมี จะถูกเรียกว่า “มั่นหน้า” !
ใช่ค่ะ คนที่พอใจกับหุ่นอวบนิดๆ ผิวสีน้ำผึ้ง หรือหน้าที่ไม่วีเชป จมูกไม่โด่งแหลม หรือชีวิตที่มีอยู่แล้วตอบไปว่า “เราโอเค เราชอบที่ตัวเองเป็นแบบนี้แล้วล่ะ” กลายเป็นคน “มั่นหน้า”
คนที่มีความสุขกับตัวเอง กลายเป็นคนมั่นหน้า เพียงเพราะไม่เลือกเชื่อหรือเป็นตามเสียงสังคม

ลองมองไปรอบๆ ตัว... ก็จริงนะคะ 
คนที่มั่นใจกับสิ่งที่ตัวเองเป็นก็โดนนินทาตัดสิน

เพลินจึงอยากชวนให้สาวๆ ลูกเพจผู้หญิงเชิงรุก ฉุกคิดกันสักนิดว่า...​เรากำลังตกอยู่ในหลุมพรางความเชื่อแบบนั้นหรือไม่

เรายอมรับความเป็นตัวเองได้แค่ไหน
เราดิ้นรนอยากมี อยากเป็นใครอีกคนที่ไม่ใช่เราหรือเปล่า
ลองหันกลับมามองตัวตนอันสวยงาม ไม่เหมือนใครของคุณกันดีกว่า... เราทุกคนสวยงามในแบบของตัวเอง ไม่มีใครเหมือนใคร
เรามีจุดแห่งความสุขไม่เหมือนกัน
อย่ารอใครมา อนุมัติ ความสุข และตัวตนของเรา

   เรามีความสุขได้เองตอนนี้ เดี๋ยวนี้เลยนะคะ จากการยอมรับและชื่นชมตัวตนที่เราเป็น


วันอังคารที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

อะไรไม่ใช่ก็ปล่อยไป (Ep. 2 งานที่ไม่ใช่)



ก่อนอื่นต้องออกตัวก่อนว่าไม่ได้มายุให้ลุกขึ้นมาเปลี่ยนงานนะคะ
แต่อยากให้ลองนึกทบทวนเล่นๆ ดูว่า สิ่งที่ทำอยู่ มันใช่เราหรือไม่ เรามีความสุขหรือเปล่าที่ทำอยู่
เราชอบงานนี้ไหม หรือเราไม่ชอบอะไร
เราชอบงาน แต่ไม่ชอบระบบ.... เราชอบคน ชอบบรรยากาศ แต่ไม่ชอบงาน
หรือเราเกลียดทุกอย่างในงานที่ทำอยู่เลย?

เราต้องใช้เวลากว่า 70% อยู่ในงาน เราควรจะรักมันค่ะ ไม่อย่างนั้นเราก็จะไม่ต่างจากหุ่นยนต์ หรือถูกดูดวิญญาณไป ชีวิตก็จะห่อเหี่ยวไปเรื่อยๆ

ถ้าคุณยังเปลี่ยนงานไม่ได้ง่ายๆ ให้ลองปรับมุมมองในเรื่องที่ไม่ชอบดู เปลี่ยนวิธีคิดใหม่ให้ตัวเองสบายใจขึ้น
เปลี่ยนพฤติกรรมให้สอดคล้อง เหมาะสม
เพิกเฉยกับคำนินทาว่าร้าย หรือเรื่องซุบซิบ

ให้เวลากับตัวเอง... ตีแผ่ความในใจ คุยกับตัวเองให้มาก ว่างานที่เราทำ ใช่แค่ไหน อะไรใช่ อะไรไม่ใช่ แล้วเราจะแก้อย่างไรได้บ้าง
แต่ละคนจะได้คำตอบไม่เหมือนกัน

เริ่มหาสิ่งที่คุณชอบ และสิ่งที่มัน “ใช่” แล้วให้เวลากับมันหน่อย... 

เปิดโอกาสให้ตัวเองได้เลือก...​ได้ลอง
แล้วเราอาจจะพบว่า งานที่ใช่ อาจจะมาถึงได้ในไม่ช้า เหลือแค่จะคว้ามันไว้หรือไม่เท่านั้นเอง


#ผู้หญิงเชิงรุก #ผู้หญิงยุคใหม่ไม่ลำไย #beautygoodvibes #beautifulmind #beautifulsoul #mindandsoulcoach #beautymindcoach

กับดักความสุข - กับดักความสำเร็จ



คุณติดกับดักอยู่ในความฝันสำเร็จรูปหรือเปล่า?


ระยะ 3-4 ปีให้หลังมานี้ เพลินสังเกตว่าวงการธุรกิจ โดยเฉพาะออนไลน์เฟื่องฟูมาก คนมีช่องทางทำมาหากินจากออนไลน์สะดวก และง่ายขึ้น หลายคนตั้งตัวได้จากการริเริ่มทำธุรกิจออนไลน์ หรือใช้เครื่องมือออนไลน์ช่วยนี่แหละ เราจึงเห็นว่าเกิดเศรษฐีใหม่ขึ้นจำนวนมาก บางคนยังเรียนอยู่ก็จับเงินแสน บางคนจบใหม่ มีบ้าน มีรถ เงินล้านหลั่งไหลเข้ามาง่ายดาย อายุน้อยก็เป็น Ceo เป็นเจ้าของธุรกิจได้ ดูแลทีมหรือพนักงาน สื่อต่างๆ ก็มักจะนำเสนอเรื่องราวเหล่านี้เพราะเป็นปรากฏการณ์ใหม่ เราจึงได้ดูได้เสพเรื่องราวความสำเร็จเหล่านี้เป็นประจำ
เพลินไม่ได้ต่อต้านเรื่องโมเดลธุรกิจ หรือความร่ำรวยอย่างรวดเร็ว ไม่ได้แอนตี้ิวิธีการใด ตรงกันข้ามกลับชื่นชมเสียด้วยซ้ำ 

แต่ที่น่าเป็นห่วงคือ เรื่องราวความสำเร็จ “แบบแผน” ที่ถ่ายทอดส่งต่อกันอย่างต่อเนื่องนี่ล่ะ ที่ได้สร้าง “ค่านิยมใหม่” ขึ้นในสังคมไทยขึ้นมา
ค่านิยมของการรวยเร็ว
ค่านิยมที่วัดความสำเร็จด้วยจำนวนเม็ดเงินที่ได้

โอกาสทำเงินง่ายขึ้นกว่าเมื่อก่อน ยิ่งมีคน “รวย”​ ได้ง่ายมากเท่าไหร่ มาตรฐานใหม่ก็เริ่มก่อตัวขึ้น
หน้าตาของ “ความสำเร็จ” เริ่มจากการให้มีเงิน และมีให้มากขึ้นๆ ยิ่งมีมากเท่าไหร่ยิ่งแปลว่า “ประสบความสำเร็จ”

ใครทำเงินได้มากแปลว่าเก่งมาก
ใครหาเงินได้เยอะ = ประสบความสำเร็จ

เราจะเริ่มเห็นคนนิยาม “ความฝัน” เหมือนกันมากขึ้น...

“อยากจับเงินแสน” “อยากจับเงินล้าน” “จะต้องมีเงินสิบล้าน ร้อยล้านให้ได้”
พูดง่ายๆ คือ “ต้องรวยเป็นมหาเศรษฐี”

อยากรวย อยากมีเงินไม่ผิดแต่อย่างใด

แต่สะดุดใจที่...ความอยากรวยมันกลายเป็น “ความฝันสูงสุด” และ “ความฝันพิมพ์นิยม” ไปตั้งแต่เมื่อไหร่
เราถูกกล่อมด้วยเรื่องราวความสำเร็จ มีเงินมหาศาล เป็นบรรทัดฐาน
โดยที่หลงลืมไปว่า “ความฝัน” ที่แท้จริงของเราคืออะไรกันแน่?

ความฝันสมัยเด็กที่เรื่องเงินๆ ทองๆ ยังไม่ละเลงจนเราไขว้เขว
ความฝันสมัยนั้น...ที่​ นิยามความสำเร็จ” ของเราอาจจะหมายถึง ..
                การเป็นนักบินอวกาศที่ค้นพบดาวดวงใหม่สักดวง
เป็นนักเขียนที่คนอ่านชื่นชอบผลงาน
เป็นคุณหมอที่รักษาคนไข้ให้หายจากโรคภัย
เป็นตำรวจที่ดี พิทักษ์ความยุติธรรม
เป็นนักดนตรีที่ได้เล่นเพลงเพราะๆ 
เป็นคุณครูให้ความรู้ อบรมสั่งสอนให้เด็กเป็นคนดี
หรือแม้แต่การอยู่สุขสงบกับครอบครัวหรือคนที่เรารัก

เราหลงลืมไปว่า ความสุขที่แท้จริงของเราคืออะไร... จำกลิ่นของความสุข และความฝันของเราได้อยู่หรือไม่

บางทีเราอาจจะมีความสุขแล้วกับสิ่งที่เป็นอยู่ แต่วิ่งไล่ไขว่คว้าเงินทองเพิ่มขึ้นเพราะคิดว่าคือมาตรวัดความสำเร็จที่แท้จริงหรือเปล่า
จริงอยู่ว่าเงินเป็นปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิต เลี้ยงปากท้อง ปฏิเสธไม่ได้ว่าเงินช่วยบันดาลและแก้ปัญหาได้สารพัด

เพลินไม่ได้บอกให้เราปฏิเสธเงิน (เพลินก็ยังอยากได้อยู่นะ) แต่เงินไม่ควรกลืนกินตำแหน่ง “ความฝันอันสูงสุด” ของเรา

เราควรจะมีความสุขง่ายๆ ได้ทำในสิ่งที่รัก สิ่งที่หล่อเลี้ยงจิตวิญญาณอย่างแท้จริง เงินเป็นเรื่องที่มาด้วยกัน ให้คิดวางแผนอย่างรอบคอบ มีสติ หาเพิ่มแบบที่ไม่กัดกินตัวตน

เงินที่เพิ่มขึ้นควรจะเพิ่มเพื่อสนองความฝันที่แท้จริงของเรา

ความฝันและความสุขของเราแต่ละคน หน้าตาไม่เหมือนกัน 

ลองฟังเสียงหัวใจตัวเองดูว่า... จริงๆ แล้ว ความฝัน หรือ ความสุขของคุณคืออะไรกันแน่ 
ถ้าไม่เคยถามหรือไม่เคยมี ก็ลองคิดได้แล้ว

ที่แน่ๆ เพลินเชื่อว่า ไม่ใช่การมีเงินให้มากที่สุด


         ด้วยรักจากใจ
           ผู้หญิงเชิงรุก

#ผู้หญิงเชิงรุก #ผู้หญิงยุคใหม่ไม่ลำไย #สวยสมองดี #Beautygoodvibes #Beautifulmind #beautymindandsoul #mindandsoulcoach #beautymindcoach